Posted by พอไปเรียนการตลาดมา ก็เลยเก็ทแล้วว่าทำไมพวกไลฟ์โค้ชถึงชอบโชว์อภินิหารด้วยการ “เหยียดคนอื่น” อาทิ
“มึงก็เสพเข้าไปสิ ไอ้ content ที่สนับสนุนความกระจอกในตัวมึงอะ”
“นี่คือ 5 คำพูดที่คนล้มเหลวชอบพูด แต่คนประสบความสำเร็จจะไม่พูด”
“ไอ้คำพูดหรือทัศนคติแบบนี้ มันเป็นของพวกขี้แพ้ อย่าไปคบกับคนแบบนั้นไม่งั้นชีวิตคุณจะตกต่ำ”
เพราะธุรกิจมันอยู่ได้ด้วยการแก้ปัญหาให้คนอื่นแลกกับเงิน เพราะฉะนั้นถ้าคนซื้อไม่รู้สึกถึงปัญหา เขาจะไม่มีวันจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการนั้นๆ เป็นอันขาด ไลฟ์โค้ชจึงต้องพูดแรงๆ และทำให้คนฟังรู้สึกว่าตัวเองเป็นพวก “ขี้แพ้” เพื่อที่จะให้คนฟังจ่ายเงินเพื่อเรียนคอร์สวิธีเป็นผู้ชนะกับไลฟ์โค้ช
แต่พวกโค้ชต่างๆ ก็ทำพลาดข้อหนึ่ง เพราะหลักการสำคัญในการขายของที่เราเรียนมาคือ “ลูกค้าไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด” ดังนั้นการเถียงกับลูกค้าต่อให้คนขายพิสูจน์ตัวเองว่าเขาเป็นฝ่ายถูก ก็ไม่ได้ทำให้คนขายปิดการขายได้อยู่ดี แต่การขายคอร์สออนไลน์ของไลฟ์โค้ชนั้น ต้องทำให้คนฟังรู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีปัญหา การใช้ชีวิตของคนฟังต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาด เพื่อที่ไลฟ์โค้ชจะได้เอาคอร์สของเขามาเป็นทางแก้
นั่นแหละแค่หลักการขายของของโค้ชต่างๆ ยังย้อนแย้งกับหลักการที่ตัวเองสอนเลย แล้วเค้าจะขายได้มั้ยนะ
เอาจริงๆนะ เราไม่คิดว่าการแบ่งปันความรู้ทางออนไลน์เป็นสิ่งที่แย่ แต่จะบอกว่าการทับถมคนอื่น เพื่อสร้างดีมานด์ปลอมๆ เปลือกๆ ให้คนมาเรียนคอร์สมันล้าสมัยไปแล้ว แน่จริงก็เอา “เทคนิค” มาสอนเลยสิ เช่น เทคนิคการออมเงิน เทคนิคการบริหารเวลา เทคนิคการเขียนโพสต์ขายของ เทคนิคการทำสไลด์พาวเวอร์พอยนต์ โดยไม่ต้องมาพล่ามเรื่อง “mindset ของคนรวย vs คนจน หรือ คนชนะ vs คนขี้แพ้” อะไรให้เสียเวลา
แต่ก็นั่นแหละ การโค้ชชิ่งใครให้ประสบความสำเร็จ มันจำเป็นต้องเข้าใจคนที่ถูกโค้ชอย่างดีมิใช่เหรอ เช่น คนๆนั้นมีนิสัยอย่างไร มีทักษะอะไรบ้าง มีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร ไม่ใช่อ่านหนังสือหรือไปสัมมนาตามคอร์สต่างๆ แล้วจำคำเขามาพูด ประหนึ่งว่าคำสอนเหล่านั้นคือสัจธรรมที่ครอบจักรวาล โดยโค้ชแค่เป็นคนสอนฝ่ายเดียว ไม่เกิดจากการรับฟังคนเรียน เรากังขาตลอดเลยว่ากระบวนการสื่อสารฝ่ายเดียวแบบนี้มันเวิร์คจริงๆเหรอ มันมีวิธีคิดที่ครอบจักรวาลขนาดนั้นเลยจริงๆเหรอ
THANYANAN 