หลายคนคงเคยได้ยินมานักต่อนักว่า อัจฉริยะกับคนบ้าห่างกันแค่คืบ แต่มีใครเคยสงสัยไหม ว่าทำไมสองสิ่งที่ตรงข้ามกันสุดๆ กลับมีคุณลักษณะบางอย่างเหมือนกันเป๊ะๆ
เช่นเดียวกับพฤติกรรมมนุษย์ในเรื่องอื่นๆ เช่นเรื่องลำดับสุดท้าย ที่คนเราเอาไว้ใช้บ่งบอกว่าสิ่งนั้นสำคัญมาก และในความหมายตรงข้ามซึ่งก็คือสิ่งนั้นไม่สำคัญเลย
สิ่งที่คนดูหนังจดจำและอยากติดตามมากที่สุดคือ “ฉากสุดท้าย” ในตอนจบ ฟุตบอลนัดที่คนรอดูมากที่สุดคือนัดสุดท้ายของการแข่งขัน แต่ในขณะเดียวกันนักกีฬาที่ถูกโค้ชให้ความสำคัญเป็นลำดับท้ายๆ คือพวกตัวสำรองที่แม้แต่แฟนบอลก็ยังไม่คิดจะจดจำ
“มีแต่คนโง่ที่สุดและคนฉลาดที่สุดเท่านั้นที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง”
ขงจื๊อเคยกล่าวเอาไว้ คนโง่ย่อมไม่มีปัญญามากพอที่จะคิดถึงสิ่งที่ดีกว่าได้ พวกเขาเลยดื้อด้านไม่ยอมเปลี่ยน ส่วนคนฉลาด รอบรู้ทุกอย่างจนมั่นใจ พวกเขาเลยแน่วแน่ในหนทางของตัวเอง
ไม่ว่าจะดื้อด้านหรือแน่วแน่ สิ่งที่ขั้วตรงข้ามอย่างคนโง่และคนฉลาดมีร่วมกันคือความมั่นใจในตัวเองอย่างเหลือล้น

ความแตกต่างสุดขั้วที่เหมือนกันสุดขีดเป็นสิ่งที่ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ นักวิจัยทำได้มากที่สุดก็แค่เก็บเคสตัวอย่างแล้วสรุปเป็นทฤษฎีว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง และถ้าดูจากหลักฐานคำพูดของขงจื๊อ แปลว่าความย้อนแย้งนี้มีมาหลายพันปี มาพร้อมๆ กับอารยธรรมของมนุษย์เลย และทำหน้าที่สร้างปัญหาให้กับคนมาโดยตลอด
คนหลงเชื่อผู้นำโง่ๆ ที่พูดจาฉะฉานน่าเชื่อถือ เพราะเข้าใจผิดว่าคนๆนั้นฉลาด และปล่อยให้ผู้นำพาคนเหล่านั้นไปตาย ไม่แปลกที่ว่าลัทธิล้างสมองโง่ๆ จำนวนไม่น้อยมีสาวกสนับสนุนอย่างบ้าคลั่ง เพราะความย้อนแย้งมันบอกมาว่าคนที่เพี้ยนในสายตาคนกลุ่มหนึ่ง สามารถเป็นอัจฉริยะในสายตาคนอีกกลุ่มได้

หรือจะเป็นเรื่องใกล้ตัว อย่างปัญหาความสัมพันธ์ประเภท “รักคนไกล ระอาคนใกล้” ที่คนในครอบครัว(หรือแม้แต่ในกลุ่มเพื่อนๆ) น้อยใจซึ่งกันและกัน เพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความสำคัญ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายอาจจะมองว่าเพราะคนๆ นั้นสำคัญมาก เลยอยากให้รอหน่อย รอให้เวลาทุกอย่างมันพร้อม หรือจะเป็นเรื่องความรักที่ คนที่อยากอยู่ด้วยกันมากๆ กลายเป็นคนที่เกลียดกันจนไม่แม้แต่อยากมองหน้าเมื่อเวลาผ่านไป ทั้งๆ ที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นตัวของตัวเองเช่นเดิม
แต่ตราบใดที่คนเรายังไม่สามารถอ่านใจคน หรือนั่ง Time Machine ไปแอบดูอนาคตได้ เราก็คงต้องสับสนกันต่อไปว่า คนเพี้ยนๆ คนนั้นเขาเป็นอัจฉริยะจริงหรือแค่เพี้ยน เจ้านายนิสัยแย่ๆ คือคนมีวิสัยทัศน์หรือก็แค่โง่แล้วอวดฉลาด รวมไปถึงเขาคนนั้นเห็นเราสำคัญและกำลัง Save The Best For Last อยู่ หรือเห็นเราไม่สำคัญเป็นแค่ The Last Priority
ทำไมสองสิ่งที่ต่างกันสุดขั้วถึงต้องเหมือนกันจนแยกไม่ออกด้วยนะ? ปัญหาโลกแตกจริงๆ