Collete Divitto เกิดมาพร้อมกับกลุ่มอาการดาวน์ ไอคิวของเธอน้อยกว่าคนทั่วไป ทำให้ที่โรงเรียน เธอต้องเรียนแบบให้ครูผู้สอนประกบตัวต่อตัว อย่างไรก็ดี นั่นไม่ใช่ปัญหาในการเข้าสังคม
Rosemary ผู้เป็นแม่เห็นศักยภาพในตัวลูก เธอส่งเสริมให้ลูกทำกิจกรรมเสริมหลักสูตรตอนเรียนมัธยมเสมอ Collete จึงทำงานพาร์ทไทม์เป็นคนขายของในร้านค้าของโรงเรียน เป็นเจ้าหน้าที่ของทีมบาสเกตบอล และเป็นเชียร์ลีดเดอร์ด้วย แต่สิ่งที่สาวน้อยชอบทำมากที่สุดคือ “อบขนม” ซึ่งทำมาตั้งแต่อายุ 15

7 ปีผ่านไปหลังเรียนจบ บัณฑิตสาวเดินทางไปที่บอสตัน หวังจะทำงานร้านเบเกอรี่
ที่สหรัฐ มีกฎหมายแรงงานที่ห้ามเลือกปฏิบัติ ต้องให้โอกาสคนทุกกลุ่มมีสิทธิเข้าสัมภาษณ์งาน แต่นั่นคือด่านสุดท้ายที่ Collete ได้ไปถึง เธอเชื่อว่าตัวเองมีฝีมือมากพอที่จะทำอบขนมเป็นอาชีพ แต่คนสัมภาษณ์บางที่กลับมองแค่ว่าจะรับเธอในฐานะอาสาสมัคร บางคนก็ปฏิเสธไปว่า “คุณน่าสนใจ แต่ไม่เข้ากับงาน”
แต่เธอไม่ยอมแพ้… สาวน้อยและคุณแม่ร่วมมือกันเปิดร้านเบเกอรี่ในชื่อ Collettey’s ที่มาพร้อมกับ “อะเมซิ่ง คุกกี้” คุกกี้ช็อคโกแลตชิบเคลือบซินามอน สูตรลับที่ Collete คิดขึ้นมาเอง
Collete ทำทุกอย่างในร้าน เธอทำเว็บไซต์, ทำนามบัตร, ซื้อส่วนผสม, ทำงานเอกสาร invoie รวมถึงเริ่มทำละบบส่งสินค้าออนไลน์ด้วยตัวเอง
ตั้งแต่เปิดทำการ Collettey’s ก็ได้ลูกค้าเป็นร้านค้าปลีก Golden Goose Market และหลังจากที่สถานีโทรทัศน์ได้ลงเรื่องราวของเธอ ก็มีออร์เดอร์หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย
จนตอนนี้เธอได้ทำแคมเปญระดมทุนในเว็บ GoFundMe.com เพื่อเปิดโรงงานผลิตและจัดจำหน่าย ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดการจ้างงานให้กับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษและ “คนทั่วไป”

นอกจากตัว Collete เอง คนที่ภูมิใจกับความสำเร็จนี้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นคุณแม่ของเธอ ที่กล่าวไว้ว่า
“ถ้ามีของขวัญบางอย่างที่คุณสามารถให้ลูกของตัวเองได้ จงมอบความเข้มแข็ง เพราะเมื่อประตูทุกบานปิดตาย เธอได้หาหนทางใหม่และยังเปิดประตูเพื่อนำไปสู่ทางที่ดีกว่าได้สำเร็จ”

หลายครั้งที่ค่านิยมในสังคมยังไม่เปิดกว้างให้เรา นอกจากเรียกร้องให้เกิดการแก้ไขเชิงโครงสร้างแล้ว สิ่งที่ทำได้คือพัฒนาตัวเองให้ดี และช่วยเหลือผู้อื่น
อย่าให้ใครมาบอกคุณได้คุณว่ามีทำอะไรได้แค่ไหน เพราะคุณเป็นได้มากกว่านั้นเสมอ?