Posted by ชาวอเมริกันในปี 1974 ต่างพากันตื่นตะลึงกับภาพของนางแบบสาวแหวก “จิ๊มิ” ให้เห็นเต็มตาในนิตยสาร Hustler ฉบับเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นปีเปิดตัวของนิตยสาร แม็กกาซีนปลุกใจเสือป่าฉบับนั้นได้ปฏิวัติวงการหนังสือโป๊ ทำให้มันข้ามจากเรต R ไปเป็นเรต X เต็มตัว
ขณะที่ผู้บุกเบิกหนังสือโป๊ในอเมริกาอย่าง Playboy สร้างภาพลักษณ์ว่านางแบบนู้ดคือศิลปะ เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายชนชั้นกลางในเมือง Hustler กลับเจาะตลาดชนชั้นรากหญ้าและประกาศโต้งๆ ว่า “กูขาย Sex แล้วไง?”
นี่คือวิสัยทัศน์ของ Larry Flynt เจ้าของบาร์ระบำเปลื้องผ้าในรัฐ Ohio ผู้ต่อยอดธุรกิจด้วยการทำหนังสือโป๊ฮาร์ดคอร์ ที่ขายความดิบ เถื่อน แรงเกินพรรณา
ในยุค 1970s กฏหมายสหรัฐให้อำนาจแต่ละท้องที่ตัดสินใจด้วยตัวเองว่าหนังสือปลุกใจเสือป่าเล่มไหนเป็น “ศิลปะ” หรือ “อนาจาร” ทำให้หนังสือโป๊หลายๆ หัวขายในวงจำกัดได้ไม่กี่รัฐ แต่ Larry ต้องการขาย “ทั่วประเทศ” นั่นทำให้เขาต้องขึ้นโรงขึ้นศาลข้อหา “ผลิตสื่ออนาจาร” นับครั้งไม่ถ้วน เพราะถูกฟ้องร้องโดยองค์กรณ์ต่อต้านสื่อลามกในรัฐต่างๆ
ผู้บริหาร Huslter ได้ใช้หลัก First Amendment (หลักเสรีภาพการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ) มาเป็นข้อโต้แย้ง นำมาสู่การตัดสินด้วยหลัก Miller test ที่มีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อ ตามคำตัดสินของศาลสูงสุด
1.เมื่อคนปกติรับชมสื่อแล้วรู้สึกว่าในภาพรวมงานนี้ได้ปลุกอารมณ์ทางเพศ
2.เมื่องานชิ้นนี้ขัดต่อศีลธรรมอันดีตามที่กฎหมายในรัฐนั้นๆ กำหนด
3.เมื่องานชิ้นนี้ไม่มีคุณค่าใดๆ เลยในเรื่องวรรณกรรม, ศิลปะ, การเมือง และวิทยาศาสตร์
งานที่ถูกตัดสินว่าอนาจารต้องเข้าข่าย “ทั้งสามข้อ” ซึ่งสุดท้าย Hustler ก็เป็นฝายชนะคดีไปโดยตลอด นิตยสารได้วางขายต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันและคลอดแบรนด์ลูกๆ มาอีกมากมาย รวมไปถึงได้เปิดบริษัทผลิตหนัง 18+ อีกด้วย
Larry Flynt นอกจากเป็นผู้บริหารสำนักพิมพ์แล้ว เขายังเป็นนักเคลื่อนไหวหัวก้าวหน้าเพื่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก หลายคนครหาว่าเขาอ้าง First Amendment เพื่อยอดขายของ Hustler แต่ Larry ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆ
ในปี 1978 ในช่วงพักระหว่างเขาและทนายได้ไปให้การกับศาล ในคดีฟ้องร้องเรื่อง “ผลิตสื่ออนาจาร” เขาถูกลอบยิงขณะกำลังเดินที่ทางเท้า ส่งผลให้เขาเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวลงไป และต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต
Joseph Paul Franklin มือปืนถูกจับได้ Joseph เป็นสมาชิกของกลุ่มเหยียดชาติพันธุ์ White Supremacy เขาสารภาพว่าลอบยิง Larry เพราะโกรธแค้นที่นิตยสารมีภาพของนายแบบผิวดำถ่ายคู่กับนางแบบผิวขาว และจากการสืบประวัติพบว่าเขาสังหารคนต่างสีผิวไป 13 คน ทำให้เขาต้องโทษประหารชีวิต
Larry Flint ให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับโทษประหาร “แรงจูงใจของการประหารคือการล้างแค้น ไม่ใช่ความยุติธรรม และผมเชื่อว่าในเมื่อรัฐห้ามประชาชนฆ่าผู้อื่น ก็ไม่ควรฆ่าผู้อื่นเสียเอง” นอกจากนี้ เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแค้นกับการนั่งรถเข็นตลอดชีวิต และยังกล่าวติดตลกว่า “ผมยอมรับกระสุนเพื่อ First Amendment” อีกด้วย
เรื่องน่าสนใจของ Larry อีกอันหนึ่งคือ กรณีพิพาทกับ Jerry Fawell นักเทศน์ชื่อดังในรายการโทรทัศน์ เพราะนิตยสาร Huslter ได้ลงบทความล้อเลียน Jerry ว่าเป็นไอ้ขี้เมามีที่ความสัมพันธ์ทางเพศกับแม่ตัวเอง ทำให้นักเทศน์คนดังยื่นฟ้องศาลทันที หลังจากคดียืดเยื้อมา 5 ปี ศาลสูงสุดของสหรัฐตัดสินให้ Larry ชนะอย่างเอกฉันท์ ด้วยเหตุผลที่ว่า “การล้อเลียนบุคคลสาธารณะถือเป็นส่วนหนึ่งของเสรีภาพในการพูด”
หลังจากคดีจบ Larry และ Jerry ได้ไปจัดดีเบตด้วยกันตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อถกประเด็นเรื่อง “เสรีภาพในการพูด” ให้สังคมได้รับรู้ และทั้งสองเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จนวันสุดท้ายที่ Jerry ได้เสียชีวิตไปในปี 2007
ล่าสุด Larry Flynt ให้สัมภาษณ์ว่านิตยสาร Hustler จะปิดตัวในอีกไม่นาน เพราะคนหันมารับสื่อ ทางอินเตอร์เน็ตเสียหมดแล้ว คงเป็นการปิดตำนานกว่า 40 ปีอย่างน่าเสียดาย เมื่อวันนั้นมาถึง
ถึงแม้นิตยสารมีวันเลิกรา สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยหายไปจากใจของ Larry Flynt คือความเชื่อใน Free Speech เหมือนที่เขาเคยกล่าวไว้
“คุณต้องยอมรับสิ่งที่คุณอาจไม่ชอบ เพื่อเป็นเสรีชนที่แท้จริง”
และวันนี้ 1 พฤศจิกายน (ตามเวลาของอเมริกา) คือวันคล้ายวันเกิดปีที่ 74 ของ Larry Flynt ชายผู้ปฏิวัติวงการหนังสือโป๊
และเราจะปฏิวัติอะไรกันดีล่ะ?
ปล. ชีวิตของ Larry Flynt ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดในชื่อ People VS Larry Flynt กำกับโดย Milos Forman นำแสดงโดย Woody Harrelson, Courtney Love และ Edward Norton ใครที่อยากรู้ชีวิตของเขาเพิ่มเติมหามาดูได้เลย เราดูแล้วชอบมาก
THANYANAN 