ต้องอัพทักษะอะไรหากไม่อยากถูก AI แย่งงาน

Posted by

คาดการณ์กันว่า ในปี 2030 จะมีคนตกงานถึง 800 ล้านตำแหน่ง นอกจากงานด้านการผลิตหรืองานที่ต้องอาศัยการคำนวณซับซ้อนแล้ว งานด้านอื่นๆ เช่น งานออกเอกสารทางกฎหมาย งานส่งเสริมการขาย หรืองานวินิจฉัยโรค ก็อาจถูกปัญญาประดิษฐ์แย่งงานได้ง่ายๆ แล้วถ้ามนุษย์อย่างเราอยากเอาตัวรอด เราต้องทำอย่างไร?

เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับหนังระดับตำนานเคยทำนายเอาไว้ว่าในอีก 12 ปีข้างหน้า มนุษย์จะสามารถประดิษฐ์หุ่นยนต์ที่มีรูปร่างหน้าตา และความคิดอ่านได้เหมือนคนจริงๆ ในปี 2029 ซึ่งตอนนี้ประเทศซาอุดิอาระเบียก็ได้เปิดตัวพลเมืองหุ่นยนต์ที่ชื่อว่าโซเฟียออกมาแล้ว ทั้งก่อนหน้านั้นระบบปัญญาประดิษฐ์ของ AlphaGo ที่พัฒนาโดยบริษัท DeepMind ในเครือ Google ก็ได้พิสูจน์มาแล้วว่าสมองกลนั้นสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว และยังเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองอีก

https://i.ytimg.com/vi/rmmF11TKueA/maxresdefault.jpg

ในเมื่อหุ่นยนต์เก่งได้ขนาดนี้ นั่นทำให้พนักงานหลายๆ คนต้องตกงาน

อย่างเช่นในปีนี้ บริษัทประกันภัย Fukoku ของญี่ปุ่นได้ปลดพนักงานทั้งแผนกคำนวณค่าใช้จ่ายของผู้เอาประกันภัยออก รวม 34 คนออก และใช้ระบบ AI คำนวณแทน เมื่อหักลบกับต้นทุนในการวางระบบและบำรุงรักษาแล้ว พบว่ามีต้นทุนต่ำกว่าการจ้างคน และสามารถประหยัดไปได้ถึง 30 ล้านบาทต่อปี

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าปัญญาประดิษฐ์จะทำได้ทุกอย่าง (อย่างน้อยก็จนกว่าโลกของเราจะก้าวไปถึง The Matrix ล่ะนะ) และสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ แต่มนุษย์ทำได้ดี ก็ล้วนเป็นทักษะที่มนุษย์มีมาหลายพันปี ตั้งแต่การกำเนิดอารยรรมโลก นั่นก็คือทักษะด้านอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และมนุษยสัมพันธ์

ทาง World Economic Forum ได้สรุปทักษะสำคัญของมนุษย์ในอนาคตอันใกล้ไว้ดังนี้

1. การทำงานร่วมกับผู้อื่น
2. การคิดเชื่อมโยง ประยุกต์ประสบการณ์หลายๆ ด้านเข้าด้วยกัน
3. การเจรจาต่อรอง
4. การช่วยเหลือเกื้อกูลคนในสังคม
5. การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน
6. ความฉลาดทางอารมณ์และการเข้าสังคม
7. ความคิดสร้างสรรค์
8. ความอดทน
9. การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
10. การปรับตัว

ถ้าดูในเรื่องของการศึกษา จะเห็นว่าทั้ง 10 ทักษะที่เห็น จะอยู่ในส่วน “ทักษะชีวิต” (Soft Skills หรือ Life Skills) ที่นอกเหนือจากความรู้วิชาการในโรงเรียน สกิลล์หล่านี้จะได้มาจากการทำงาน ไม่ว่าจะทำโปรเจคต์ส่งอาจารย์ หรือเข้าไปฝึกงานในที่ทำงานจริง ทั้งการเรียนสายอาชีพ วิชาฝึกงานในมหาวิทยาลัย หรือการทำโครงงาน หรือวิชา IS ในระดับมัธยม

แต่นอกเหนือจากหลักสูตรการศึกษาแล้ว ทุกๆ คนสามารถฝึกทักษะจากการทำกิจกรรมส่วนตัวต่างๆ ร่วมกับคนอื่นได้เช่นกัน ซึ่งเรียกว่า Skills-Based Volunteering หรือ SVB

ดังนั้นมนุษย์ในอนาคตจะไม่ใช่คนที่เอาความรู้มาหางาน แต่เขาจะต้องเอาความรู้มา “สร้างงาน” พูดง่ายๆ ว่าเราจะต้องมีโปรเจกต์เป็นของตัวเอง ที่มีคนอื่นมาร่วมงานด้วย และเอาความรู้ของเราไปช่วยพัฒนาโปรเจคต์ของคนอื่นไปพร้อมๆ กัน


ลงครั้งแรกที่ Newground อ่านต้นฉบับได้ที่นี่

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s